YAMAHA MA / PA Series

  สามารถใช้ได้กับลำโพงอิมพีแดนซ์ความต้านทานต่ำและระบบลำโพงอิมพีแดนซ์สูงโดยไม่จำเป็นต้องใช้หม้อแปลงเสริมหรืออุปกรณ์เสริมเพิ่มแต่อย่างใด  มีความสามารถใช้กับลำโพงต่ำความต้านทานต่ำ3Ωหรือสูงกว่า (เลือกแบบ3Ω / 4Ω / 8Ω) เครื่องขยายเสียง MA2030a และ PA2030a สามารถส่งกำลังขับได้ถึง 30 วัตต์ต่อช่องและในสองช่องสัญญาณ ด้วยการเชื่อมต่อสายลำโพงที่มีความต้านทานสูงในไลน์ 70V หรือ 100V จะได้กำลังวัตต์ถึง 60 วัตต์ และใช้กับลำโพงต้านทานต่ำที่4Ωเครื่องขยายสัญญาณ MA2120 และ PA2120 จะส่งกำลังวัตต์ได้ถึง 120 วัตต์ต่อช่องสัญญาณเอาต์พุตสองช่องและเมื่ออิมพีแดนซ์ความต้านทานที่3Ω / 8Ω สามารถได้กำลังขับถึง 100 วัตต์ต่อช่อง และการเชื่อมต่อด้วยความต้านทานสูงแบบ 70V หรือ 100V ช่องทางเดียวสามารถส่งกำลังออกได้ถึง 200 วัตต์ซึ่งเหมาะสำหรับการเปิดใช้งานการติดตั้งขนาดกลาง นอกจากนี้เนื่องจากซีรี่ส์ MA / PA สามารถใช้งานร่วมกับลำโพงติดตั้งเพื่อการพาณิชย์ของ Yamaha ทุกตัวคุณมีทางเลือกและความยืดหยุ่นในการออกแบบระบบเสียงที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของคุณ ตามที่ระบุเช่นชุด MA2120 หรือ PA2120 หนึ่งชุดสามารถรองรับระบบลำโพงเต็มรูปแบบได้ในหมดความต้านทานสูงรวมถึงซับวูฟเฟอร์ในโหมดความต้านทานต่ำ ด้วย MA2030a หรือ PA2030a ซึ่งมีช่องสัญญาณเอาต์พุตหนึ่งช่องระบบเดียวกันนี้สามารถประกอบได้โดยการรวมหน่วยแอมป์สองชุด * รวมชุด VXS, VXC series, ชุด VS, ชุด S, ชุด NS-AW และชุด NS-IC ชุด S, NS-AW series และ NS-IC series

สสสส

ซีรีส์ **Yamaha MA/PA**

 เป็นชุดเครื่องขยายเสียงและเครื่องขยายสัญญาณที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในระบบเสียงเชิงพาณิชย์ เช่น ร้านอาหาร ร้านค้าปลีก สถานศึกษา และสำนักงาน ซึ่งต้องการระบบเสียงคุณภาพสูงแต่ไม่ต้องซับซ้อนเหมือนระบบเสียงขนาดใหญ่

Yamaha MA Series (เครื่องขยายเสียงพร้อมมิกเซอร์)

**MA Series** มีมิกเซอร์ในตัวซึ่งมีช่องสัญญาณหลายช่อง ทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อไมโครโฟน เครื่องเล่นเพลง หรืออุปกรณ์เสียงอื่น ๆ เข้ากับเครื่องขยายเสียงได้โดยตรง ความสามารถในการผสมสัญญาณเสียงนี้ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการจัดการกับแหล่งเสียงหลาย ๆ แหล่งอย่างง่ายดาย

คุณสมบัติเด่น:

1. **ขนาดกะทัดรัด**: ออกแบบมาให้มีขนาดเล็กติดตั้งง่ายและไม่เป็นที่สะดุดตา เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการระบบเสียงที่ดูไม่เด่นชัด
2. **รองรับการเชื่อมต่อหลายช่อง**: มีช่องสัญญาณหลากหลาย (เช่น XLR, RCA) รองรับการเชื่อมต่อไมโครโฟน และเครื่องเล่นเพลงพื้นหลัง
3. **ควบคุมได้หลายโซน**: รุ่นบางรุ่นสามารถควบคุมเสียงได้หลายโซน ซึ่งสามารถส่งแหล่งเสียงที่แตกต่างไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในอาคาร
4. **ฟังก์ชันลำดับความสำคัญ**: ฟังก์ชันนี้ช่วยให้แหล่งเสียงที่สำคัญ เช่น ไมโครโฟนสำหรับประกาศ สามารถลบเสียงจากแหล่งอื่นได้เมื่อจำเป็น
5. **DSP ในตัว (Digital Signal Processing)**: มีการประมวลผลสัญญาณเสียงดิจิทัล เช่น การปรับ EQ การกรอง และการควบคุมระดับเสียง เพื่อให้คุณภาพเสียงดีที่สุดในทุกสถานที่

รุ่นที่พบเห็นได้บ่อย:

- **Yamaha MA2030**: เครื่องขยายเสียงพร้อมมิกเซอร์ 2x30W เหมาะสำหรับการใช้งานขนาดเล็ก เช่น ร้านค้าหรือสำนักงาน
- **Yamaha MA2120**: รุ่น 120W เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการระบบเสียงที่ใหญ่ขึ้น

Yamaha PA Series (เครื่องขยายเสียงเพียงอย่างเดียว)

**PA Series** เน้นการขยายเสียงคุณภาพสูง โดยไม่มีฟังก์ชันมิกเซอร์ในตัว เหมาะสำหรับใช้ร่วมกับมิกเซอร์ภายนอกหรือแหล่งเสียงอื่น ๆ โดยมักใช้ในระบบเสียงที่ต้องการพลังและความยืดหยุ่นมากกว่า

คุณสมบัติเด่น:

1. **กำลังขับสูง**: PA Series มีกำลังวัตต์สูง เหมาะสำหรับสถานที่ที่ต้องการการเสริมกำลังเสียงในระดับมาก
2. **การออกแบบไร้พัดลม**: รุ่นบางรุ่นถูกออกแบบมาให้ไม่มีพัดลม ทำให้การทำงานเงียบ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในห้องประชุมหรือโบสถ์
3. **ประหยัดพลังงาน**: ออกแบบมาให้ใช้พลังงานน้อยลง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในสถานที่ที่ใส่ใจเรื่องพลังงาน
4. **รองรับการเชื่อมต่อแบบยืดหยุ่น**: สามารถใช้งานกับแหล่งสัญญาณต่าง ๆ ได้หลากหลาย

รุ่นที่พบเห็นได้บ่อย:

- **Yamaha PA2030**: เครื่องขยายเสียงขนาด 30W เหมาะสำหรับระบบเสียงเชิงพาณิชย์ขนาดเล็ก
- **Yamaha PA2120**: รุ่น 120W สำหรับพื้นที่ที่ต้องการพลังเสียงมากขึ้น

การใช้งาน

- **ร้านอาหาร**: MA Series เหมาะสำหรับร้านอาหารที่ต้องการเสียงพื้นหลังและระบบประกาศ ด้วยความสามารถในการควบคุมแหล่งเสียงหลายแหล่ง
- **ร้านค้าปลีก**: ใช้ในร้านค้าสำหรับการเล่นเพลงพื้นหลังหรือระบบประกาศเสียงที่ชัดเจน
- **ห้องเรียนและสำนักงาน**: ให้ความเรียบง่ายและความยืดหยุ่น ควบคุมแหล่งเสียงต่าง ๆ ได้ง่าย เหมาะสำหรับสถานศึกษาและสถานที่ทำงาน

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่นใดเป็นพิเศษ บอกได้เลยครับ!