คู่มือมิกเซอร์ YAMAHA MG16XU

คู่มือมิกเซอร์ YAMAHA MG16XU

คู่มือมิกเซอร์ YAMAHA MG16XU | มิกเซอร์ 16 ช่องระดับมืออาชีพ

คู่มือมิกเซอร์ YAMAHA MG16XU ฉบับย่อ

YAMAHA MG16XU มิกเซอร์รุ่นท็อปในซีรีส์ MG รองรับการใช้งาน 16 ช่อง พร้อม USB Interface และ DSP Effect เหมาะสำหรับเวที งานอีเว้นท์ หรือสตูดิโอบันทึกเสียง

คุณสมบัติ

  • 16 ช่อง Input
  • USB Interface
  • DSP Effect
  • EQ 3 แบนด์

ดูมิกเซอร์ Yamaha ทุกรุ่น

บริการเช่าเครื่องเสียง

คุณสมบัติและคู่มือการใช้งานมิกเซอร์ YAMAHA MG16XU ฉบับสรุปสำหรับการอ่านโดยเฉพาะ โดยเน้นส่วนสำคัญที่ใช้บ่อยในการมิกซ์เสียง:


 

คู่มือสรุปการใช้งานมิกเซอร์ YAMAHA MG16XU

1. ภาพรวมและคุณสมบัติหลัก

คุณสมบัติ รายละเอียด
จำนวนช่อง 16 ช่อง (สูงสุด 10 ไมค์ / 16 ไลน์อินพุต)
ปรีแอมป์ "D-PRE" คุณภาพสูง พร้อม Phantom Power +48V (ใช้สำหรับไมค์คอนเดนเซอร์)
บัส (Bus) 1 STEREO Bus (Main Out), 4 GROUP Buses, และ 4 AUX Send (รวม FX)
เอฟเฟกต์ โปรเซสเซอร์ดิจิทัล SPX 24 โปรแกรม ในตัว
อินเทอร์เฟซ USB Audio 2-in/2-out (24-bit/192kHz) สำหรับการบันทึกและเล่นเสียงจากคอมพิวเตอร์/iPad
คอมเพรสเซอร์ 1-Knob Compressor (ในช่องโมโน 1-8)

2. การควบคุมช่องสัญญาณอินพุต (Channel Strip) (ช่อง 1-8 โมโน)

 นี่คือปุ่มควบคุมหลักที่เรียงจากบนลงล่างของแต่ละช่องสัญญาณ (แถวตั้ง):

ปุ่ม/สวิตช์ การใช้งาน
[PAD] Switch ใช้ลดระดับสัญญาณขาเข้า 26 dB หากสัญญาณแรงเกินไป (เช่น จากไมค์จ่อใกล้ๆ หรือเครื่องดนตรี)
[GAIN] Knob ปรับระดับความไวขาเข้า (Input Sensitivity) ที่สำคัญที่สุดในการเซ็ตอัพ. ควรปรับให้ไฟ [PEAK] LED ติดกระพริบเป็นครั้งคราวเท่านั้นเมื่อร้อง/เล่นเสียงดังที่สุด
[HPF] Switch High-Pass Filter (80Hz) ตัดความถี่ต่ำกว่า 80Hz ออก เพื่อลดเสียงรบกวน เช่น เสียงลม, เสียงเท้ากระทบพื้น
[COMP] Knob (1-Knob Compressor) คอมเพรสเซอร์แบบปุ่มเดียว: หมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อเพิ่มการบีบอัดเสียง (Ratio เพิ่มขึ้น, Threshold ลดลง, Gain เพิ่มขึ้นเล็กน้อย) ทำให้เสียงดังสม่ำเสมอขึ้น เหมาะสำหรับเสียงร้องและเบส (ใช้ในช่อง 1-8 เท่านั้น)
[EQ] High, Mid, Low ปรับย่านความถี่: High (10kHz)Mid (250Hz - 5kHz)Low (100Hz) (ช่อง 1-8 เป็น Mid แบบกวาดความถี่ได้)
[AUX1] - [AUX4/FX] AUX Send: ส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ภายนอก (เช่น มอนิเตอร์ลำโพง, เอฟเฟกต์ภายนอก) AUX4 ถูกใช้เป็นช่องส่งสัญญาณไปหา SPX Effect ในตัว
[PAN] Knob กำหนดตำแหน่งเสียง: หมุนซ้าย (L) หรือขวา (R) ในภาพสเตอริโอ
[ON] Switch เปิด/ปิด ช่องสัญญาณนี้เข้าสู่ Master Bus
[GROUP 1/2, 3/4], [ST] Switch กำหนดเส้นทางสัญญาณ: เลือกว่าจะส่งสัญญาณไปที่ Group Bus (1/2 หรือ 3/4) หรือ Master Stereo Bus (ST)
[PFL] Switch Pre-Fader Listen: ใช้ฟังเสียงช่องสัญญาณนี้ผ่านหูฟังเพื่อตรวจสอบระดับสัญญาณและ EQ ก่อน ถึง Fader หลัก (ไม่ส่งผลต่อเสียงออกลำโพง)
Channel Fader ปรับระดับเสียง ของช่องสัญญาณนี้เข้าสู่ Bus ที่ถูกเลือก

 3. การใช้งานเอฟเฟกต์ SPX ในตัว (Built-in Effects)

  1. เลือกช่องสัญญาณ: ใช้ปุ่ม [AUX4/FX] บน Channel Strip เพื่อส่งสัญญาณจากช่องที่คุณต้องการไปหาโปรเซสเซอร์เอฟเฟกต์

  2. เลือกโปรแกรม: ใช้ปุ่ม [PROGRAM] ในส่วน FX Block เพื่อเลือกเอฟเฟกต์ที่ต้องการจาก 24 โปรแกรม (เช่น Reverb, Delay)

  3. ปรับ Parameter: ใช้ปุ่ม [PARAMETER] เพื่อปรับค่ารายละเอียดของเอฟเฟกต์ที่เลือก (เช่น ความยาวของการหน่วงเวลา/หางเสียง)

  4. ปรับระดับ Master: ใช้ Fader [FX RTN] เพื่อปรับระดับเสียงของเอฟเฟกต์ที่ถูกส่งกลับเข้าสู่ Main Mix

4. การควบคุม Master (Master Control Block)

  • [ST] Fader (Stereo Master): ควบคุมระดับเสียงรวมสุดท้ายของ Main Output (ลำโพงหลัก)
  • [GROUP] Faders 1-4: ควบคุมระดับเสียงรวมของแต่ละ Group Bus
  • [AUX] Master Knobs: ควบคุมระดับสัญญาณรวมของแต่ละ AUX Send
  • [PHONES/MONITOR]: ควบคุมระดับเสียงของหูฟังและ Monitor Output
  • Level Meter LED: แสดงระดับสัญญาณหลัก (ควรให้อยู่ในโซนสีเขียวเป็นหลัก และแตะสีเหลืองเป็นครั้งคราว)

หมายเหตุ: ข้อมูลนี้เป็นบทสรุปที่เน้นการใช้งานจริง หากต้องการข้อมูลเชิงเทคนิคหรือการต่อพ่วงที่ซับซ้อน โปรดอ้างอิงจากคู่มือเจ้าของผลิตภัณฑ์ฉบับเต็ม (Owner's Manual) โดยตรง