ระบบเสียงตามสายภายในอาคาร TOA A-1724

การออกแบบระบบเสียงตามสาย Deep design

TOA  A-1724   

เครื่องเสียงประกาศ 2 โซน Mixing power amplifiers 240W.  

SPEAKER SELECTOR: 2 zone, 

high impedance (100V line/42Ω), individual selector key, M4 screw terminal

DIRECT SPEAKER OUT:

High impedance (100V line/42Ω),M4 screw terminal

Low impedance (4 - 16Ω), M4 screw terminal

(Both Low and High impedance terminals cannot be used at the same time.)

สินค้ายกเลิกการผลิต

การออกแบบระบบเสียงตามสาย: บทความ รายละเอียด และการใช้งาน

ระบบเสียงตามสาย (Public Address System หรือ PA System) เป็นระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อกระจายเสียงจากศูนย์กลางไปยังพื้นที่ต่างๆ โดยใช้สายลำโพง ระบบนี้สามารถใช้ในการสื่อสาร ข้อมูล หรือกระจายเสียงเพลงในบริเวณกว้าง อย่างไรก็ตาม "ระบบเสียงตามสายแบบ Deep" ที่คุณกล่าวถึง อาจมีการใช้งานที่เจาะจงและลึกลงในรายละเอียด เช่น การเพิ่มคุณสมบัติขั้นสูง หรือการออกแบบระบบที่มีความซับซ้อนขึ้น เช่น การปรับแต่งเสียงแบบเฉพาะทาง การจัดการเสียงในพื้นที่ต่างๆ และการรวมเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่เข้าด้วยกัน

1. รายละเอียดของระบบเสียงตามสาย

ส่วนประกอบหลัก:

  • แหล่งกำเนิดเสียง (Sound Source): อาจเป็นไมโครโฟน เครื่องเล่นเพลง หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ส่งสัญญาณเสียงไปยังระบบ
  • เครื่องขยายเสียง (Amplifiers): เพื่อขยายสัญญาณเสียงให้สามารถส่งไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้ทั่วถึง
  • ลำโพง (Speakers): จัดวางในพื้นที่ที่ต้องการส่งเสียง เช่น บริเวณห้องโถง ทางเดิน หรือสถานที่ที่คนจะรับฟังเสียง
  • ระบบควบคุม (Control System): สามารถควบคุมการกระจายเสียง การปิด-เปิดระบบ และการปรับแต่งเสียงในพื้นที่ต่างๆ

การเชื่อมต่อ:

  • ใช้สายเคเบิล: ระบบเสียงตามสายต้องใช้สายเคเบิลเพื่อนำเสียงไปยังพื้นที่ต่างๆ และการออกแบบการเชื่อมต่อจะต้องพิจารณาการใช้สายแบบคุณภาพสูง เพื่อป้องกันเสียงรบกวนหรือสัญญาณหาย
  • การเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย: บางระบบที่เป็นขั้นสูงจะรวมการเชื่อมต่อผ่าน IP Network ทำให้สามารถควบคุมและจัดการระบบจากระยะไกลได้ โดยใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายภายในองค์กร

    ระบบเสียงตามสายแบบ Deep : เป็นระบบที่ออกแบบเพื่อให้รองรับการใช้งานแบบหลายโซนหรือหลายระดับที่มีความซับซ้อน มีการกำหนดโซนเสียงที่ต่างกัน เช่น ห้องประชุม โซนพื้นที่ภายนอก หรือพื้นที่สาธารณะ การควบคุมสามารถทำได้แยกกัน หรือพร้อมกันหลายจุด

2. การใช้งาน

  • โรงแรมและรีสอร์ท: ใช้เพื่อกระจายข้อมูลข่าวสาร หรือเพลงบรรเลงในส่วนต่างๆ เช่น บริเวณล็อบบี้ สปา หรือใช้ในเครื่องเสียงร้านอาหาร
  • โรงพยาบาล: ใช้ระบบเสียงตามสายเพื่อแจ้งเตือนและสื่อสารกับบุคลากรหรือผู้ป่วย
  • โรงเรียน: ใช้ในการแจ้งเตือนตามช่วงเวลา การประกาศข่าวสาร หรือกิจกรรมต่างๆ
  • ห้างสรรพสินค้าและพื้นที่สาธารณะ: ใช้ในการแจ้งเตือนเกี่ยวกับความปลอดภัย หรือเล่นดนตรีเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี
  • โรงงานอุตสาหกรรม: ใช้สื่อสารระหว่างโซนต่างๆ ของโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและความปลอดภัย

3. ใครเป็นผู้ใช้ได้บ้าง?

  • ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียง (Audio Engineer): ที่ต้องการออกแบบและติดตั้งระบบเสียงที่ซับซ้อน และต้องการความแม่นยำในการควบคุมเสียงในแต่ละโซน
  • ผู้ดูแลอาคารหรือสถานที่: เช่น โรงแรม โรงเรียน หรือโรงงาน ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเหล้า ที่ต้องการใช้ระบบเพื่อการสื่อสารภายใน
  • ผู้ใช้งานทั่วไป: อาจเป็นผู้ดูแลระบบขององค์กร หรือสถานที่ต่างๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านเสียง แต่สามารถใช้งานระบบได้ผ่านแผงควบคุมอัตโนมัติ

สรุป: ระบบเสียงตามสาย เป็นระบบที่มีความซับซ้อนและออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพสูงในสถานที่ขนาดใหญ่หรือสถานที่ที่ต้องการการควบคุมเสียงเฉพาะทาง ผู้ใช้ที่เหมาะสมคือผู้เชี่ยวชาญและผู้จัดการที่ดูแลอาคารและสถานที่ต่างๆ

 

การใช้เครื่องเสียงให้เหมาะกับงาน

การใช้เครื่องเสียงไลน์โอหม์ กับ เครื่องเสียงไลน์โวลท์

เครื่องเสียงระบบโอห์มกระแสและแรงดันต่ำ vs. เครื่องเสียงระบบกระแสและแรงดันสูง (Line Voltage): บทความเชิงลึก

ระบบเครื่องเสียงที่ใช้งานในสถานที่ต่างๆ เช่น โรงเรียน โรงงาน ห้างสรรพสินค้า หรือสำนักงาน มักจะถูกออกแบบให้เหมาะสมกับพื้นที่และความต้องการใช้งาน โดยระบบเครื่องเสียงที่พบเห็นได้บ่อยคือ เครื่องเสียงระบบโอห์มกระแสและแรงดันต่ำ (Low Impedance System) และ เครื่องเสียงระบบกระแสและแรงดันสูง (Line Voltage System) ทั้งสองระบบนี้มีการออกแบบที่แตกต่างกันตามลักษณะการใช้งาน ข้อดี-ข้อเสีย และเทคนิคที่ใช้ ซึ่งในบทความนี้จะอธิบายรายละเอียดของทั้งสองระบบอย่างละเอียด


1. เครื่องเสียงระบบโอห์มกระแสและแรงดันต่ำ (Low Impedance System)

ระบบเสียงแบบโอห์ม หรือบางครั้งเรียกกันว่า ระบบเสียง 8 โอห์ม (8Ω) หรือ 4 โอห์ม (4Ω) เป็นระบบที่ใช้ลำโพงที่มีความต้านทานต่ำ โดยทั่วไปมักใช้ในสถานการณ์ที่ลำโพงอยู่ใกล้กับแอมพลิฟายเออร์ (Amplifier) เช่น ในระบบเสียงบ้าน หรือระบบเครื่องเสียงสำหรับสถานที่ขนาดเล็กถึงปานกลาง

คุณสมบัติของเครื่องเสียงระบบโอห์มกระแสและแรงดันต่ำ:

  • ความต้านทาน (Impedance): ค่าความต้านทานของลำโพงในระบบนี้มักจะอยู่ที่ประมาณ 4-16 โอห์ม โดยค่าความต้านทานมาตรฐานส่วนใหญ่ที่ใช้จะเป็น 8 โอห์ม
  • การส่งผ่านสัญญาณ: การส่งสัญญาณเสียงจากแอมพลิฟายเออร์ไปยังลำโพงในระบบนี้จะใช้กำลังไฟฟ้าค่อนข้างสูง เพราะลำโพงในระบบโอห์มต้องการแรงดันไฟฟ้าต่ำและกระแสไฟฟ้าสูงเพื่อสร้างเสียง
  • การใช้งานสายลำโพง: ระบบนี้ต้องใช้สายลำโพงที่มีขนาดใหญ่ (เช่น 16AWG หรือใหญ่กว่านั้น) เนื่องจากสายที่มีขนาดเล็กเกินไปจะเกิดการสูญเสียพลังงานในระยะทางไกล

ข้อดี:

  • คุณภาพเสียง: ระบบโอห์มมักให้คุณภาพเสียงที่ดี เนื่องจากมีการส่งสัญญาณเสียงโดยตรงจากแอมพลิฟายเออร์ไปยังลำโพง โดยไม่มีการลดทอนพลังงานเสียงมากนัก
  • ตอบสนองย่านความถี่เสียงที่ดี: ให้การตอบสนองต่อเสียงเบสและเสียงแหลมที่ชัดเจน เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องที่ต้องการความคมชัดของเสียง เช่น ห้องสตูดิโอหรือห้องคอนเสิร์ตขนาดเล็ก

ข้อจำกัด:

  • ระยะทางการส่งสัญญาณ: ระบบโอห์มไม่เหมาะสำหรับการส่งสัญญาณเสียงในระยะทางไกล เนื่องจากจะมีการสูญเสียกำลังไฟฟ้าระหว่างทาง และทำให้ความดังของเสียงลดลง
  • การใช้งานลำโพงหลายตัว: การต่อพ่วงลำโพงหลายตัวในระบบนี้จะทำให้ค่าความต้านทานเปลี่ยนไป ซึ่งอาจทำให้แอมพลิฟายเออร์ทำงานหนักและเกิดความร้อนสูง

การใช้งานที่เหมาะสม:

  • ระบบเครื่องเสียงบ้าน (Home Audio System)
  • ห้องประชุมขนาดเล็ก
  • งานคอนเสิร์ตขนาดเล็ก
  • ระบบเสียงในเครื่องเสียงร้านอาหารหรือเครื่องเสียงร้านกาแฟที่มีพื้นที่ไม่ใหญ่

2. เครื่องเสียงระบบกระแสและแรงดันสูง (Line Voltage System)

เครื่องเสียงระบบกระแสและแรงดันสูง หรือที่เรียกว่า ระบบ 70V/100V Line หรือ Line Voltage System เป็นระบบเสียงที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในสถานที่ที่ต้องการส่งสัญญาณเสียงไปยังลำโพงหลายตัวที่กระจายอยู่ในพื้นที่กว้างหรือระยะทางไกล เช่น ในห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา โรงงาน หรือโรงพยาบาล

คุณสมบัติของเครื่องเสียงระบบกระแสและแรงดันสูง:

  • แรงดันไฟฟ้า: ระบบนี้ทำงานโดยการเพิ่มแรงดันไฟฟ้าให้สูงขึ้น (70V หรือ 100V) ซึ่งช่วยลดการสูญเสียพลังงานเมื่อส่งสัญญาณเสียงผ่านสายลำโพงที่มีระยะทางไกล
  • หม้อแปลงลำโพง (Transformer): ลำโพงในระบบ Line Voltage จะมีหม้อแปลง (Transformer) ติดตั้งอยู่เพื่อปรับระดับแรงดันให้เหมาะสมกับการทำงานของลำโพง
  • การติดตั้งหลายโซน (Multi-Zone Capability): ระบบนี้สามารถเชื่อมต่อลำโพงหลายตัวในพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดายโดยการต่อแบบขนาน (Parallel) โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการคำนวณความต้านทานเหมือนในระบบโอห์ม

ข้อดี:

  • การส่งสัญญาณระยะไกล: การใช้แรงดันสูงช่วยลดการสูญเสียพลังงานในการส่งสัญญาณ ทำให้เหมาะสำหรับการติดตั้งลำโพงในระยะไกลหรือในพื้นที่กว้าง
  • การต่อพ่วงลำโพงหลายตัว: สามารถเชื่อมต่อลำโพงได้หลายตัวโดยไม่ต้องคำนึงถึงความต้านทานที่ลดลง ซึ่งทำให้สะดวกในการใช้งานกับระบบเสียงที่มีลำโพงหลายโซน
  • การควบคุมกำลังเสียง: หม้อแปลงที่ติดตั้งกับลำโพงในระบบ Line Voltage สามารถปรับระดับการกระจายพลังงานให้เหมาะสมกับพื้นที่นั้นๆ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าที่แอมพลิฟายเออร์

ข้อจำกัด:

  • คุณภาพเสียง: เนื่องจากการใช้หม้อแปลงในการปรับแรงดันไฟฟ้า ทำให้คุณภาพเสียงในระบบ Line Voltage ไม่ดีเท่าระบบโอห์ม โดยเฉพาะเมื่อเป็นเสียงที่มีความละเอียดสูง เช่น เสียงเบสหรือเสียงแหลม
  • ค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง: การติดตั้งระบบ Line Voltage อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าระบบโอห์มเนื่องจากต้องใช้หม้อแปลงลำโพงและอุปกรณ์เฉพาะทาง

การใช้งานที่เหมาะสม:

  • ห้างสรรพสินค้า
  • โรงพยาบาล
  • โรงเรียนและมหาวิทยาลัย
  • โรงงานอุตสาหกรรม
  • ระบบเสียงในที่สาธารณะ เช่น สถานีขนส่ง หรือสวนสาธารณะ

การเลือกใช้งานระหว่างระบบโอห์มกระแสและแรงดันต่ำ vs. ระบบกระแสและแรงดันสูง

การเลือกใช้งานระหว่างสองระบบนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของพื้นที่และความต้องการด้านเสียง หากเป็นพื้นที่ขนาดเล็กและต้องการคุณภาพเสียงที่ดี เช่น ร้านอาหารเล็กๆ หรือบ้านพักอาศัย ระบบโอห์มจะเหมาะสมกว่าเพราะให้คุณภาพเสียงที่คมชัด แต่หากเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีการติดตั้งลำโพงหลายจุดหรือระยะทางการส่งสัญญาณไกล ระบบ Line Voltage จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากช่วยลดการสูญเสียพลังงานและทำให้การควบคุมระบบทำได้ง่ายขึ้น


สรุป

เครื่องเสียงระบบโอห์มกระแสและแรงดันต่ำ และเครื่องเสียงระบบกระแสและแรงดันสูงต่างมีข้อดีและข้อจำกัดของตนเอง ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและพื้นที่ ระบบโอห์มเน้นที่คุณภาพเสียงและเหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่เล็กหรือกลาง ในขณะที่ระบบ Line Voltage เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ใหญ่ ที่ต้องการลำโพงหลายตัวและการส่งสัญญาณในระยะทางไกล